วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำตกเอราวัณ

เย็นสบายกับสายน้ำที่ น้ำตกเอราวัณ

เย็นสบายกับสายน้ำที่ น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ

สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คู่หูเดินทาง

จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ชุ่มชื้นไปด้วยฝอยฝนหรือระคนไปด้วยกลิ่นป่า และเป็นผืนป่าตะวันตกที่ว่ากันว่าสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวออกแนวผจญภัยมากมายให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผมกับกิจกรรมมันส์ ๆ หลากหลาย อิ่มเอมกับธรรมชาติอันเขียวขจี แสนสบายไปกับสายน้ำที่เย็นฉ่ำ โดยเฉพาะ น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวติดต่อกัน มีความงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ นั่นแน่! เริ่มอยากไปดื่มด่ำกับความงามของ น้ำตกเอราวัณ แล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นก็ตามเราเขาไปชื่นชมได้เลย...

น้ำตกเอราวัณ เป็นอีกน้ำตกหนึ่งที่ขึ้นชื่อของ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่สวยงามบนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตรติดต่อกัน เดิมมีชื่อว่า "น้ำตกสะด่องม่องลาย" ตามชื่อลำห้วยม่องลายซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตก แต่ด้วยลักษณะน้ำตกชั้นที่ 7 ของที่นี่มีลักษณะคล้ายหัวช้างเอราวัณ 3 เศียร จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกเอราวัณ ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเป็นอย่างดี


น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ


น้ำตกเอราวัณ นี้มีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะมีชื่อที่คล้องจองกัน เริ่มจาก...

ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เป็นน้ำตกชั้นเล็ก ๆ ที่เหมาะกับการนั่งเล่นรับลมพักผ่อน

ชั้นที่ 2 วังมัจฉา เหมาะกับการลงเล่นน้ำ เพราะมีแอ่งให้ลงไปแวกว่ายได้ และมีฝูง "ปลาพลวง" อาศัยอยู่ในน้ำด้วย

ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นนี้น้ำตกจะตกลงมาในระดับสูง นักท่องเที่ยวสามารถไปยืนบริเวณน้ำตกเพื่อเล่นน้ำได้

ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ ชั้นนี้มีจุดเด่นในการเล่นสไลด์เดอร์ไหลลื่นตกลงมายังแอ่งน้ำด้านล่าง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้น

ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เป็นชั้นที่กินพื้นที่กว้างสามารถเล่นน้ำได้

ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ชั้นนี้ถูกล้อมรอบด้วยแมกไม้นานาพันธุ์

ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ เป็นชั้นสุดท้ายซึ่งเป็นชั้นที่สวยงามมาก

น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ

น้ำใสสะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายสระว่ายน้ำ ในแต่ละชั้นของน้ำตกจะมี ปลาพลวง (ปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียน ลำตัวสีน้ำตาลเขียวเกล็ดโต มีหนวดยาว 2 คู่ ชอบอาศัยบริเวณธารน้ำตก ลำห้วย หรือลำธารที่ใสสะอาด) แหวกว่ายอยู่ แต่ในชั้นที่มีมากก็เห็นจะเป็นชั้นที่ 2 คือ วังมัจฉา

โดยแต่ละชั้นของ น้ำตกเอราวัณ จะมีลักษณะเป็นอ่างสามารถเล่นน้ำได้ และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเอราวัณ มีระยะทางประมาณ 1,060 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เดินผ่านป่าดิบเขา จุดชมวิวและป่าผลัดใบที่สวยงาม ท่านจะได้รับความรู้และความเพลิดเพลินในการชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง

ใครที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ น้ำตกเอราวัณ คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม

Tips

ห้ามนำภาชนะโฟม ขวดแก้ว กีตาร์และสัตว์เลี้ยงเข้าไปในบริเวณน้ำตก

ค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติเอราวัณ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

บริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3457-4222, 0-3457-4234


น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ


การเดินทาง

โดยรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม ( ทางหลวงหมายเลข 4 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ผ่านแยกนครชัยศรี ขับตรงไปโดยจะผ่านแยกบ้านแพ้ว ผ่านสะพานไปตัวเมืองนครปฐม ผ่านแยกไปจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นขึ้นสะพานไปจังหวัดกาญจนบุรี และขับตรงไปประมาณ 11.2 กิโลเมตร ถึงสี่แยกเลี้ยวขวาแล้วขับตรงไป ประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงอำเภอท่ามะกา ขับตรงไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) มุ่งหน้าสู่อำเภอศรีสวัสดิ์ เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 56 ถึงเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตกเอราวัณ

โดยรถประจำทาง

จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยสามารถนั่งรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี แล้วไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี มีรถสายกาญจนบุรี - เอราวัณ ออกจากสถานีขนส่งใกล้ที่ทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน และจากตลาดฯ จะมีรถสองแถวและมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปยังน้ำตก


:: อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ::

 
 
:: อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ::
          ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพังเหยในเขต ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสระบุรี - ชัยบาดาล ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 205 เส้นทางชัยบาดาล - เทพสถิต - ชัยภูมิ ก่อนถึงอำเภอเทพสถิต จะมี ทางแยกซ้ายมือไปป่าหินงาม อีก 29 กิโลเมตร หากเดินทางเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา ก็จะใช้เส้นทางนครราชสีมา - เพชรบูรณ์ โดยจะวิ่งผ่าน ต.หนองบัวโคก ผ่านบ.คำปิง เข้าสู่อำเภอเทพสถิต และเลี้ยวขวาบริเวณ สามแยกเพื่อจะไปในเส้นทาง เทพสถิต - ซับใหญ่ และหากท่านมาจากตัว เมืองชัยภูมิ ก็ต้องใช้เส้นทาง ระเหว - ซับใหญ่ - เทพสถิต เมื่อออกจากตัว กิ่งอ.ซับใหญ่จะถึงทางแยกขึ้นอุทยานฯ ก่อนที่จะถึง อ.เทพสถิต...
:: แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ::
<< ป่าหินงาม >>
"ป่าหินงาม" หรือ (ลานหินงาม) อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ ทั่วบริวเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะดิน และเนื้อหินทรายมานานนับลานปี วาง เรียงรายสลับซับซ้อน อยู่เต็มลานบ้างก็มีรูปรา่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก บ้างก็เหมือนกบเรด้า และรูปต่าง ๆ แล้วแต่จะ จินตนาการ แต่เมื่อดูแล้วชวนให้เกิดความเพลิดเพลินใจเป็นยิ่งนัก...
<< ทุ่งดอกกระเจียว >>
"ทุ่งดอกกระเจียว" เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์ ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่ ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า จัดได้ว่าเป็น "นางเอกของอุทยานฯ" ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น...
<< จุดชมวิวสุดแผ่นดิน >>
"สุดแผ่นดิน" อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ เป็นแนวหน้าผาและชะง่อนหิน เป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขา พังเหย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 846 เมตร เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง (ฉานไทย) ซุกเข้าไปใต้แผ่นดิน อีสาน (อินโต - ไซน่า) ทำให้เกิดแผ่นดินที่ยกตัวสูงชัน เรียกว่า "สุดแผ่นดิน" คือเขตรอยต่อของ 3 ภาคอันได้แก่
1. แผ่นดินซีกทางอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ชัยภูมิ (ภาคอีสาน)
2. แผ่นดินซีกทางตะวันตกของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ลพบุรี (ภาคกลาง)
3. แผ่นดินซีกทางเหนือของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.เพชรบูรณ์ (ภาคเหนือ)ซึ่งมีความสวยงาม อากาศเย็นสบาย และในตอนเช้า ๆ จะมีกลุ่มหมอกลอยผ่านหน้าเราไป เหมือนกับหยอกเย้ากับผู้มาเยือนเลย
ใกล้ถึงหน้า "เทศกลาล ท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน" ประจำปีี 2554 แล้วนะครับ เหลืออีกไม่กี่วัน ที่เราจะได้ชื่นชมความสวยงามของดอกกระเจียว ซึ่งจะ็บานสะพรั่ง สวยงามจริง ๆ ครับ...ผมก็เป็นอีก คนหนึ่ง หล่ะ ที่ชื่นชม ความงามของสถานที่ท่องเที่ยว แห่งนี้ มาเป็นระยะเวลาช้านานโข ปีนี้ ถ้าฝน ฟ้า ตกต้องตามฤดูกาล ที่มันควรจะเป็น เหล่าบรรดาเจ้าดอกกระเจียวน้อย-ใหญ่ซึ่งกบดานอยู่ใต้พื้นแผ่นดินนับแรมปี ก็จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอัน สะโอดสะอง ยังกะมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ด ที่กำลังจะประกวด กันเลยทีเดียวยิ่ิง ถ้าฝนตกชุกหน่อย พื้นดินเปียกชุ่มเจ้าดอกกระเจียวที่แสนสวยของเราก็จะขึ้น เยอะเต็มท้องทุ่งเลย มองไปทางไหนก็จะมีแต่สีเขียวชะอุ่ม และสีชมพูแกมขาว สวยอย่าบอกใครเลย ถึงแม้ว่าปีกลาย ดอกกระเจียว จะ มาช้าไปซักนิดนึง แต่เจ้าดอก กระเจียวก็เริ่มทะยอยชูช่อ ยันดอกออกมาให้เราๆ ท่านๆ ได้ยลโฉมกันแล้ว และสำหรับ ท่านใด ที่ยังไม่เคยมาเยี่ยมเยือนทุ่งดอก กระเจียวธรรมชาติแ้ห่งเดียว ในโลกปีนี้ก็อย่าพลาดนะครับ ตัดสินใจช้า ท่านอาจจะพลาด โอกาสดี ๆ ที่หนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว เท่านั้น ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งทั้งสองที่ ก็มี ความ แตกต่างกันไปใครชอบความสะดวก

งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ปี 2556ดอกกระเจียวดีใจที่ชัยภูมิ
เริ่มแล้ว

เริ่มแล้วเทศกาลดอกกระเจียวบานประจำปี 2556 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน กรกฏาคม และสิงหาคม ของทุกปี ณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ในปีนี้เป็นความภาคภูมิใจของชุมชนพี่น้องบ้านไร่ และชุมชนบ้านหนองใหญ่ ที่มีอะไร เปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง ที่ดีขึ้น

ตั้งแต่ในพื้นที่ ที่เคยจัดงานเทศกาลฯ นี้มาก่อนอาจจะนับได้ว่าต้องจารึกอยู่ในความทรงจำของพี่น้องบ้านไร่เลยก็ว่าได้
นับตั้งแต่ประตูหน้าด่านในพื้นที่ อำเภอเทพสถิต ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการขยายแนวถนนเป็น สี่เลน ตั้งแต่สามแยกวะตะแบกเลี้ยวซ้ายเข้ามาเพื่อสู่ทุ่งดอกกระเจียว ระยะทาง สองกิโลเมตรเศษ ให้เป็นสี่ช่องจราจร ด้วยงบเร่งด่วน 35 ล้านบาท โดยเร่งการก่อสร้างเพียง 1 เดือนก็แล้วเสร็จ

และจากปากทางเข้าบ้านไร่ ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว แต่เดิมเป็น สองช่องจราจร ก็ได้รับการสนับสนุนงบ 10 ล้านบาทให้เป็นสามช่องจราจรด้วยระยะทาง สามกม.เศษ ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 1 อาทิตย์ และยังได้รับการปูปรับผิวเอสฟาสตลอดเส้นทางจนถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ทั้งหมดนี้ ได้รับการผลักดันและสนับสนุนงบประมาณจากท่านสส.เจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร์คนที่ 1 ควบคู่แรงหนุนจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นายพรศักดิ์ เจียรณัย และท่านผู้ว่าฯ ยังได้ให้คำแนะนำกับนายกรานต์ เขตจันทึก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไร่ ช่วยปรับแต่งภูมิทัศน์สองข้างทางช่วงปากทางบ้านไร่เพื่อเข้ามายังทุ่งดอกกระเจียว ด้วยแปลงดอกกระเจียว สองข้างทาง พร้อมซุ้มประตูต้อนรับ และโครงป้าย "ดอกกระเจียวดีใจที่ชัยภูมิ" เพื่อเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกภาพที่สวยงามกลับไป
Aopen56.10.jpg Aopen56.11.jpg Aopen56.21.jpg Aopen56.22.jpg
Aopen56.23.jpg Aopen56.7.jpg Aopen56.8.jpg Aopen56.9.jpg
open56.1.jpg open56.13.jpg open56.14.jpg
open56.15.jpg open56.16.jpg open56.17.jpg
open56.18.jpg open56.19.jpg open56.2.jpg
open56.20.jpg open56.24.jpg open56.25.jpg
open56.26.jpg open56.28.jpg open56.29.jpg
open56.3.jpg open56.31.jpg open56.32.jpg
open56.35.jpg open56.36.jpg open56.38.jpg
open56.39.jpg open56.4.jpg open56.40.jpg
open56.6.jpg
จังหวัดชัยภูมิ ขอเชิญร่วมงาน "เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ดอกกระเจียวดีใจที่ชัยภูมิ" ในเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ปี 2556 ในระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2556 ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และบริเวณอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูม

โดยภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการต่าง ๆ การแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ชมทุ่งดอกกระเจียว การจำหน่ายสินค้า OTOP กิจกรรมปีนหน้าผา, ชมวิวสุดแผ่นดิน ชมทุ่งบัวสวรรค์และลานหินงาม
งานวันดอกกระเจียวบาน ทุกปี จะเริ่มงานตั้งแต่ ช่วงเดือน มิถุนายน กรกฏาคม และสิงหาคม ของทุกๆปีโดยช่วงแรกต้นเดือนมิถุนายนจะจัดงาน "วันกระเจียวคืนทุ่ง" โดย อบต.บ้านไร่ และทุกอบต.ในเขต อ.เทพสถิตพร้อมขบวนรถบุปผาชาติจากเหล่าอบต. และโรงเรียนในเขตบ้านไร่รวม 16 ขบวนและชมสาวงามจากชาวบ้านไร่ ในงานประกวด "เทพธิดาดอกกระเจียว" ในปี 2556 นี้ทางจังหวัด จัดวันเปิดงานวันที่ 21 มิถุนายน พร้อมการแสดงต่าง ๆ ทุกอาทิตย์ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ รัศมีไม่เกิน 6 กม.จะแนะนำท่านในช่วงถัดจากนี้ไปพร้อมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ อื่น ๆ อีกนับหลายสิบแห่งเท่าที่เวลาของท่านมีอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ นี้ เมื่อท่านได้มาพักผ่อน ณ.อุทยานแห่งนี้ ท่านสามารถสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นสบายเกือบตลอดปีโดยเฉลี่ยทั้งปี อยู่ที่ 4 - 25 องศา (ในช่วงกลางคืน) และช่วงกลางวัน เฉลี่ยเดือนเมษายน ไม่เคยเกิน 32 องศาจึงทำให้หลาย ๆ ท่านที่ได้แวะมา ณ.อุทยานฯ แห่งนี้เป็นครั้งแรก ต้องแปลกใจกับอากาศที่ แตกต่างจากกรุงเทพฯอย่างสิ้นเชิงและอีกหลาย ๆ ท่านที่เดินทางมาจากทางภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า..."อากาศที่นี่ ดีกว่าบ้านเค้าด้วยซ้ำ" และอีกหลายท่านที่เดินทางมาจากทางวังน้ำเขียว(อากาศดีติด1ใน7ของโลก) ยังคาดไม่ถึงว่าที่นี่อากาศไม่แพ้บ้านเค้าเลยนั่นเป็นเพียงการกล่าวจากหลาย ๆ ท่านที่เราได้ยินได้ฟังมา ...แต่จะเป็นจริงดั่งนี้หรือไม่ "ท่านต้องมาพิสูจน์" ด้วยตัวท่านเองและอีกกรณีหนึ่ง หลายท่านที่เดินทางมาณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ยังได้กล่าวให้ได้ยินบ่อยครั้งว่า.....ท่านใดมาเที่ยวที่นี่ หากไม่ได้นอนค้างสัมผัสหมอก และอากาศเย็นในยามค่ำณ.บนอุทยานฯ นี้ "ท่านมาไม่ถึง"
ทุ่งดอกกระเจียว ณ.อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพียงปีละครั้งเท่านั้นจะเริ่มแทงหน่อใบหูกระต่ายในช่วงต้นฝนประมาณกลางเดือนพค. และจะเริ่มแทงหน่อดอกในช่วงต้นเดือน มิถุนายนสีของดอกกระเจียว จะออกสีชมพูอมม่วง และสีขาว ปัจจุบันมีอยู่หลายสายพันธุ์อีกหนึ่งความงามจากธรรมชาติ ที่ชูช่อเป็นชั้นเหลื่อมสีชมพูอมม่วงคือ พลอยชมพู จะออกดอกช่วงปลายกรกฏาคมความงามของดอกกระเจียว ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจะไสวพริ้ว ไปจนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ของทุกปีหากท่านไม่ได้มาในช่วงเวลาดังกล่าว คงต้องรอปีต่อไปจึงจะได้มาสัมผัสความงามจากธรรมชาตินี้ดอกกระเจียว เป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดขึ้นที่นี่ จัดว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย ช่วงเวลาดังกล่าว ต่างแย่งกันชูช่อพริ้วไสวไปตามสายลมหนาว นอกฤดู ปูพรมด้วยผืนหญ้าสีเขียว ชุ่มช่ำด้วยหยาดน้ำค้าง อาบฉากหลังด้วยม่านสายหมอก ในยามรับรุ่งอรุณของวันใหม่ จึงเหมาะแก่การขึ้นเยือนบนผืน ทุ่งดอกกระเจียวขนาดใหญ่กว่า 1000 ไร่ ในยามเช้าตรู่เพราะหากสายกว่านี้บรรยากาศในการเข้าเยี่ยมสัมผัสจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินการเข้าไปยังทุ่งดอกกระเจียว ท่านต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ซ้ายมือก่อนถึงอุทยานฯ 500 ม.หรือนำรถจอดบริเวณลานจอดรถที่ทางอุทยานฯ จัดให้ แล้วจึงนั่งรถสองแถวท้องถิ่นที่จอดรอรับนักท่องเที่ยวบริเวณทางเข้าอุทยานฯ เพียงท่านละ ๑๐ บาท(ทั้งขึ้นและลง) โดยรถจะจอดให้ท่านลง ณ.จุดท่องเที่ยวต่าง ๆและท่านสามารถขึ้น-ลง รถคันใด ๆ ก็ได้ โดยขากลับลงมา รถฯ จะส่งท่านยังจุดเดิมที่ท่านขึ้นครั้งแรก