วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กุสตาฟ (Gustave) จระเข้ยักษ์ที่่ฆ่าและกินคนมากที่สุดในโลก

กุสตาฟ (Gustave) จระเข้ยักษ์ที่่ฆ่าและกินคนมากที่สุดในโลก





ส่วนใหญ่สัตว์ที่ฆ่ามนุษย์นั้นมักพบจุดจบด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น หากแต่ยกเว้นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง มันคือ “กุสตาฟ” จระเข้
แม่น้ำไนล์ ยักษ์ที่ ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาและของโลก (จระเข้เลี้ยงและใหญ่ที่สุดอยู่ในประเทศไทย ยาว 6 เมตรเช่นกัน) มัน
อาศัย และอาละวาดคนในบริเวณแม่น้ำลูซิซิและชายฝั่ง ทางตอนเหนือของทะเลสาปแทนแกนยิกา ประเทศบุรุนดี ทวีป
แอฟริกา 

ด้วยความยาวกว่าหกเมตร (ในปี 2004 มีการประมาณว่า มันมีอายุ 60 ปี ยาวกว่า 6.1 เมตร หนักกว่า 1 ตัน จึงไม่แปลกแต่อย่าง

ใดที่หลายคนขนานนามว่ามอนสเตอร์ แห่งแอฟริกา รวมไปถึงมันเป็นสัตว์นักล่ากินคนด้วยมัน ได้ฆ่าคนกว่า 300 คนและ อาจ
มากขึ้นในอนาคต เพราะจนบัดนี้มันยังคงมีชีวิต ไม่ได้หายไปไหน และไม่ได้ ถูกฆ่าแต่อย่างใด และมันเป็นสัตว์ฆ่ามนุษย์เพียง
ตัวเดียวที่ยังเป็นตำนานที่ยังมีลม หายใจชีวิตอยู่ ( เหยื่อ 300 รายนั้นไม่ได้ถูกบันทึกเป็นทางการ ซึ่งอาจเป็นการ กล่าวอ้างที่
เกินจริงของคนพื้นเมือง) 

กุสตาฟถูกตั้งชื่อโดย แพทริช เฟย์ (Patrice Faye) ชาวฝรั่งเศสที่ตั้งถิ่นฐานใน บุรุนดีและพยายามที่จะจับมันตั้งแต่ปี 1998 ซึ่ง

เขาพยายามนำกรงเหล็กใหญ่ล่อ มัน แต่จระเข้นั้นฉลาดมาก ไม่เคยหลงกลติดกับแม้แต่หนเดียว แถมมันเยาะเย้ย ทีมงานของ
แพทริชอีก แต่กระนั้นภาพของมันก็ถูกบันทึกออกอากาศทาง PBS พฤษภาคม 2004 

ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างบอกว่าสาเหตุที่มันล่ามนุษย์นั้น เพื่อความสนุกสนานของ มันเท่านั้น หลักฐานคือเอกลักษณ์ประจำตัว

มันคือเมื่อมันฆ่าเหยื่อที่เป็นมนุษย์แล้ว มันจะเหลือซากทิ้งไว้ไม่ได้กินหมดแต่อย่างใด อีกทั้งมันฉลาดมากเพราะเมื่อมัน 
ฆ่าคนแล้วมันจะหายไปอาจนานเป็นเดือนหรือเป็นปีมันจะออกมาอีกครั้งในสถาน ที่แตกต่างกันเพื่อฆ่าอีกครั้ง จนไม่มีคาดการ
ได้ว่ามันจะปรากฏที่ใด นอกจากเจ้า จระเข้นี้ยังมีความต้องการอาหารมากกว่าปกติ ถึงขั้นฆ่าช้างน้ำฮิปโปโปเตมัสตัว เต็มวัยได้
(ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์อันตรายมาก และเป็นสัตว์ที่จระเข้ไม่กล้ากิน พวกมันและพยายามหลีกเลี่ยง) เกราะร่างกายของเจ้ากุส
ตาฟนั้นเต็มไปด้วยรอย แผลนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น มีด หอก หรือแม้กระทั้งอาวุธปืน มันสามารถเอาชีวิต ได้แม้ว่าจะมีนาย
พรานหรือทหารติดอาวุธมาล่ามันก็ตาม และตำนานของมันได้ 
ดูกันชัด จระเข้ที่ตัวเล็กๆนั้น มันขนาดโตเต็มที่แล้วนะครับ

15 ต้นไม้มงคล ที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้าน

ต้นไม้มงคล 15 ต้นไม้มงคล ที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้าน



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ใคร ๆ ก็อยากให้บ้านของตัวเองมีความร่มรื่น อยู่เย็นเป็นสุข หลายคนจึงมีความคิดจะปลูกต้นไม้มงคลไว้ภายในบ้าน เพื่อเอาเคล็ด เอาโชค เอาชัย ตามความเชื่อของคนโบร่ำโบราณที่บอกต่อกันมาช้านาน และถ้าใครยังไม่รู้ว่า คนโบราณเขาแนะนำให้ปลูกต้นไม้อะไร เพื่อเสริมสิริมงคลในด้านต่าง ๆ  วันนี้ กระปุกดอทคอม ก็รวบรวมต้นไม้มงคล 15 ชนิด ที่คนนิยมปลูกกันในบ้านมาบอกให้ทราบกัน เผื่อจะได้เป็นไอเดียดี ๆ สำหรับตกแต่งสวนในบ้านยังไงล่ะคะ

มะยม


ต้นมะยม

          ฟังแค่ชื่อ "มะยม" ก็พอเดาได้ใช่ไหมล่ะว่า ทำไมคนถึงนิยมปลูกต้นมะยมไว้ที่บ้านกัน ก็เพราะเขาเชื่อกันว่า การปลูกต้นมะยมจะทำให้คนนิยมชมชอบ รักใคร่ มีชื่อเสียง ไม่มีคนคิดร้าย หรือเป็นศัตรูนั่นเอง ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งก็บอกว่า หากปลูกต้นมะยมไว้ทางทิศตะวันตก จะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจได้


ต้นมะม่วง

          นอกจากจะให้ร่มเงา และผลแสนอร่อยแล้ว มะม่วงยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อมาตั้งแต่พุทธกาลว่า หากปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้ของบ้านแล้ว จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมารังแก รังควาน หรือใส่ความได้ด้วย


ต้นขนุน

          อีกหนึ่งต้นไม้ชื่อมงคลที่คนนิยมปลูกเช่นกัน เพราะตามความเชื่อของคนโบราณ บอกกันว่า การปลูกต้นขนุนจะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับการสนับสนุน มีคนคอยอุปการะอุดหนุนจุนเจือ คอยให้ความช่วยเหลือ มีคนสรรเสริญ สามารถป้องกันอันตรายและคนใส่ร้ายป้ายสีได้ ซึ่งหากบ้านไหนคิดจะปลูกต้นขนุนแล้วล่ะก็ ควรเลือกปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะดีที่สุด โดยให้หัวหน้าครอบครัวเป็นคนลงมือปลูกในวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี


ต้นมะขาม

          หากบ้านไหนต้องการให้ผู้อื่นเกรงขาม ตามความเชื่อเขาแนะนำให้ปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตก เพราะเชื่อกันว่า ต้นมะขามจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นที่น่าเกรงขามต่อผู้อื่น และทำให้คนชื่นชอบ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันคดีความ ภูตผีปีศาจ และผีซ้ำด้ำพลอย


ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน

          ต้นไม้ประจำชาติไทยที่ออกดอกสีเหลืองทองสวยอร่ามนี้ คนไทยสมัยโบราณเชื่อกันว่า หากนำมาปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน จะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ นอกจากนี้ จะช่วยให้คนในบ้านมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ด้วย เพราะต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ประจำชาติไทย ส่วนใบของราชพฤกษ์ก็มักถูกนำไปใช้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ คนจึงเชื่อว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว


ต้นกล้วย

          ต้นไม้ที่ปลูกง่ายอย่างต้นกล้วยนี้ ก็เป็นต้นไม้ที่คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันมาก เพราะนอกจากจะสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย ทั้งหัวปลี ลำต้น ผล ใบ ฯลฯ มาทำประโยชน์ได้มากมายแล้ว เขายังมีความเชื่อด้วยว่า การปลูกต้นกล้วยไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านจะช่วยให้การทำงานราบรื่น คิดสิ่งใดทำสิ่งใดก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นไง 


ต้นไผ่

          ตามตำราฮวงจุ้ยของจีนบอกไว้ว่า ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าเหนือธรรมชาติ หากปลูกไว้ในบ้านจะเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย ทำให้เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา เอื้ออารี และกตัญญูรู้คุณ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนไทยที่เชื่อกันว่า หากปลูกต้นไผ่ไว้ในบริเวณบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านตั้งใจทำงาน ประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ไม่คดโกงเอารัดเอาเปรียบใคร นั่นก็เป็นเพราะลักษณะของต้นไผ่ที่มีลำต้นเหยียดตรง แข็งแรง สามารถต้านทานแรงลมพายุได้นั่นเอง

          หากจะปลูกต้นไผ่ ควรปลูกไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า นอกจากนี้ ยังควรปลูกต้นไผ่ในวันเสาร์จึงจะเป็นมงคล อ้อ...ลืมบอกไปว่า ต้นไผ่มีหลากหลายชนิด ทั้งไผ่เหลืองทอง ไผ่สีสุก ไผ่เตี้ย ไผ่น้ำเต้า แต่คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะชื่อไผ่สีสุกไปคล้องกับคำอวยพรที่ว่า "มั่งมีศรีสุข" นั่นเอง

ต้นวาสนา

ต้นวาสนา หรือ วาสนาอธิษฐาน

          เห็นหลาย ๆ บ้านนิยมปลูกต้นวาสนากัน เพราะชื่อเป็นมงคล จึงทำให้คนเชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต และเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภด้วย และการเสี่ยงทายด้วย โดยหลายคนเชื่อกันว่า หากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย

          แล้วถ้าคิดจะปลูกต้นวาสนาล่ะก็ ตามตำราเขาแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องจากต้นวาสนาเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทางใบ จึงควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี


ต้นแก้ว

          ไม้ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่ที่มีดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจนี้ คนไทยนิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หรือปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารก็ได้ โดยคำว่า "แก้ว" หมายถึงสิ่งของมีค่าที่คนนับถือบูชา เปรียบได้กับของมีค่าสูงดั่งดวงแก้ว ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า หากปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนแก้ว มีความเบิกบานใจ และมีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจนั่นเอง

          เพื่อความเป็นสิริมงคล โบราณแนะนำให้ปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก และให้ปลูกในวันพุธ ตามความเชื่อที่ว่า การปลูกไม้ที่เอาประโยชน์ทางดอกควรปลูกในวันพุธแล้วจะเป็นมงคล


ต้นเข็ม

          ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า ดอกเข็ม ที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์แทนความฉลาดหลักแหลมเปรียบกับเข็มที่แหลมคม เช่นเดียวกับการปลูกต้นเข็มไว้ในบ้านที่คนโบราณเขาก็เชื่อว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีความฉลาดหลักแหลมเหมือนกับดอกเข็ม และยังช่วยให้มีปฏิภาณไหวพริบเอาตัวรอดได้ด้วย หรือหากบ้านใดมีเด็กที่กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ดอกเข็มก็กระตุ้นให้เด็ก ๆ สนใจใฝ่หาความรู้มาเติมเต็มให้ตัวเองอยู่เสมอ

          หากต้องการจะปลูกต้นเข็ม โบราณแนะนำให้หาคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเล่าเรียนเป็นผู้ลงมือปลูก โดยเลือกปลูกทางทิศตะวันออก และปลูกในวันพุธ จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่คนในบ้าน


ต้นกระดังงา

          หากต้องการให้วงศ์ตระกูลมีชื่อเสียงโด่งดัง ต้นกระดังงา ก็คือต้นไม้มงคลตามความเชื่อของคนโบราณที่ปรารถนาให้ลูกหลานมีชื่อเสียงก้อง กังวานไปไกล มีลาภยศสรรเสริญ มีเงินทอง ผู้คนทั่วไปนับหน้าถือตา เพราะชื่อ "กระดังงา" เป็นชื่อที่มีความหมายที่ดี และคนก็เชื่อกันว่า เสียงที่ดังนั้นไพเราะเพราะพริ้งดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์เลยล่ะ

          นอกจากเรื่องชื่อเสียงโด่งดังแล้ว คนไทยยังเชื่อกันว่า กระดังงาเป็นต้นไม้ที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้สมาชิกในบ้านให้เป็นที่รักใคร่ของ คนทั่วไป และมีชีวิตที่หอมหวลเหมือนกับกลิ่นหอมของดอกกระดังงา บ้านไหนที่คิดจะปลูกกระดังงาควรปลูกในวันพุธ ไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่อง จะช่วยให้ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ตัวบ้าน และครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้าน


ต้นโป๊ยเซียน

          ต้นไม้แห่งโชคลาภที่คนไทยนิยมปลูกกันมากอีกชนิด เพราะเชื่อว่าจะทำลาภผลมาให้ และจะทำให้ครอบครัวสงบสุข ขณะเดียวกัน บางคนยังเชื่อว่า โป๊ยเซียน เป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากบ้านไหนปลูกต้นโป๊ยเซียนออกดอกได้ 8 ดอก ก็จะมีโชคลาภ เงินทอง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เพราะโป๊ยเซียนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า 8 องค์ ที่จะนำความเจริญรุ่งเรือง และช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ

          ทั้งนี้ ตามเคล็ดปฏิบัติการปลูกต้นโป๊ยเซียน ควรจะให้ผู้ที่มีอายุ หรือญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือมาลงมือปลูกให้ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นทิศมงคลของต้นโป๊ยเซียน จะยิ่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย และควรปลูกในวันพุธ เพื่อให้ดอกที่ออกงดงามตามความเชื่อคนโบราณนั่นเอง ที่สำคัญควรเลือกดอกสีเหลือง หรือสีส้ม จะเป็นมงคลที่สุด


ต้นโกสน

          ไม้พุ่มหลากสีชนิดนี้ นิยมเป็นปลูกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะภายในพระราชวัง และวัด เพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใด ๆ นั่นเพราะคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า คำว่า "โกสน" มีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า "กุศล" ซึ่งหมายถึงการสร้างบุญ สร้างสิ่งที่ดีงามเป็นบุญเป็นกุศลนั่นเอง

          ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล คนโบราณก็ยังแนะนำให้ปลูกต้นโกสนในวันอังคาร และปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านเพื่อรับแสงแดดยามเช้า จะทำให้เห็นสีสันของใบที่สวยสด ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น


ต้นโมก

          มีความเชื่อบอกต่อ ๆ กันมาว่า การปลูกต้นโมก หรือ โมกข ที่หมายถึงผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์ทั้งปวง จะนำเอาความสุขกายสบายใจ ความปลอดภัยมาให้สมาชิกในบ้าน เพราะดอกโมกมีสีขาวบริสุทธิ์สะอาด ส่งกลิ่นหอมทั้งวัน บางคนอาจจะเรียกต้นโมกว่า พุดพิชญา หรือ พุทธรักษา เพราะเชื่อว่าจะต้นโมกสามารถปกป้องคุ้มครองสิ่งชั่วร้ายให้สมาชิกในบ้านได้

          เคล็ดลับสำหรับการปลูกต้นโมกก็คือ ให้ปลูกในวันเสาร์ เพราะเป็นต้นไม้ที่ปลูกเพื่อเอาคุณตามความเชื่อของคนโบราณ จะช่วยให้ต้นโมกเจริญงอกงามได้ดี และปกป้องคุ้มครองคนในบ้านได้ ซึ่งทิศที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกต้นโมกก็คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ


ต้นบานไม่รู้โรย

          เขาว่ากันว่าบ้านไหนมีคู่รักต้องปลูกต้นบานไม่รู้โรยไว้ในบ้านด้วย เพราะชื่อบานไม่รู้โรยเป็นชื่อมงคล หมายความถึง ความยั่งยืน ความอดทน และไม่ย่อท้อ หากเปรียบกับความรักก็เหมือนความรักที่ยั่งยืน ช่วยให้คู่รักมีความผูกพันมั่นคงต่อกันไปนาน ๆ ปราศจากความโรยรา หรือผันแปรตลอดไปนั่นเอง ฟังแล้วน่าปลูกไว้จริง ๆ ^^

          และ นี่ก็เป็นตัวอย่างต้นไม้มงคลที่ควรปลูกในบ้าน 15 ชนิด ที่คนโบราณเชื่อกันว่า จะช่วยเสริมพลังด้านต่าง ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อที่บอกเล่า และรับรู้สืบทอดต่อกันมาเท่านั้นนะคะ เพราะจริง ๆ แล้ว หากปรารถนาจะให้ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกคนในบ้านที่จะช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ที่เป็นมงคลให้เกิดขึ้นด้วยตัวเองค่ะ

4 เรื่องจริง สุดสยอง


4 เรื่องจริง สุดสยอง! ของคนตายโหง!!(ขวัญอ่อนห้ามคลิ๊ก)!!

โพสต์เมื่อวันที่ : IP : เปิดอ่าน : 97911 / 1 ความเห็น
คะแนนของ BLOG นี้
(63.10%-58 ผู้โหวต)

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
.....
เรื่องจริงกับ 4 คดีสยองขวัญที่เกิดขึ้นในหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง และทีมสร้างก็ได้นำเค้าโครงเหตุการณ์นั้นๆออกมาตีแผ่ในรูปแบบภาพยนตร์สุด สยองขวัญ “ตายโหง” ผลงานของ 4 ผู้กำกับ ใน 4 ตอน ที่ใครก็ไม่อาจลืม!
ตายโหง ที่ 1 “ผีคุกกองปราบสุดเฮี้ยน” จากคดีสุดสยองขวัญในคุกของกองปราบฯ ในคดีคนผูกคอตาย ในคุก ทำให้มีเรื่องราวเล่าขานถึงความเฮี้ยนของผีคุกกองปราบฯ และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับของ “ตูน มานุสส วรสิงห์” นำมาตีแผ่ในชื่อตอน “นักโทษแขวนคอตาย” นำแสดงโดย “หนุ่ม อรรถพร, เต๊ะ ศตวรรษ” ที่ รับบทเป็น “ก้อง” (เต๊ะ ศตวรรษ) ชายหนุ่มรักสนุก ที่ความผิดพลาดเพียงชั่ววูบ ได้พาเขาไปเผชิญกับฝันร้ายที่จะไม่มีวันได้ตื่นขึ้นมา กับชีวิตในคุกและวิญาณที่คิดจะพาเขาไปอยู่
(เสื้อแดง)ผู้ต้องหาที่ผูกคอตายในห้องขัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้จุดเกิดเหตุที่เฮี้ยนสุดๆ
สยองห้องขังเฮี้ยน!?! ผีโผล่คุกกองปราบฯ
แล้วก็เกิดเรื่องชวนขนหัวลุกขึ้นในห้องขังกองปราบปรามอีกจนได้ ห้องขังที่ร่ำลือกันว่ามีความเร้นลับ ผู้ต้องหาหลายคนที่เคยเข้ามานอนในห้องขังแห่งนี้มักจะพบเจอกับเหตุการณ์ ประหลาด บางคนทึกทัก ไปว่าเห็นภูตผีปีศาจตามมาชวนไปอยู่ด้วย บางคนอ้างว่าถูกผีหลอก เป็นผีผู้ชายมาดึงแข้งดึงขาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

เป็นเรื่องเล่าที่ฟังแล้วชวนสยอง!!ว่ากันว่าห้องขังแห่ง นี้หลังจากที่เกิดกรณีมีผู้ต้องหารายหนึ่งผูกคอตายภายในห้อง ก็มักจะมีแต่เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ต้องขังรายใหม่ๆ ที่มาอยู่เป็นประจำ รายล่าสุดเกิดเรื่องขึ้นกับนายสมบูรณ์ ทองคำ ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ที่ถูกจับเข้าห้องขัง เจ้าตัวอ้างว่าถูกผีหลอกจนต้องร้องเรียกตำรวจดังลั่น
เป็นอีกรายที่อ้างว่าถูกผีหลอกในห้องขัง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในมุมของตำรวจกลับมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่การคิดไปเองของผู้ ต้องขัง เนื่องจากเกิดความเครียด เลยทำให้เกิดภาพหลอนเห็นผีสาง หรือไม่ก็เป็นข้ออ้างเพื่อให้พนักงานสอบสวนรีบนำตัวส่งฟ้อง จะได้ไม่ต้องนอนคุกให้ทนทุกข์ทรมาน
ในสภาวะความกดดันจึงอาจทำให้เกิดภาพหลอนขึ้นได้ย้อนไปดู เหตุการณ์ที่เกิดกับนายสมบูรณ์ เกิดขึ้นตอนตี 3 วันที่ 26 ส.ค. เมื่อจู่ๆ นายสมบูรณ์ ผู้ต้องหาในคดีกรรโชกทรัพย์ และให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด วัย 39 ปี ซึ่งถูกจับก่อนหน้านี้ 1 วัน และถูกคุมขังคนเดียวในห้องขัง ได้ร้องตะโกนเอะอะโวยวายเสียงดังลั่น
ที่มาของข่าว/ http://click2member.com/viewthread.php
…………………………………………………..
ตายโหง ที่ 2 “ศพหมกแท๊งค์น้ำ” คดี นี้เป็นอีกคดีหนึ่งที่กล่าวขานและวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ถึงการฆาตกรรมหญิงสาววัย 26 ปี ของหอพักแห่งหนึ่ง แล้วนำศพไปหมกในแท๊งค์น้ำ ทำให้คนที่อาศัย อยู่ในหอดังกล่าวได้ใช้น้ำ อาบ,ล้างหน้า,แปรงฟัน,และบางห้องก็นำน้ำมาหุงข้าว โดยไม่รู้ว่าน้ำดังกล่าว เป็นน้ำแช่ศพ และเป็นหนึ่งเรื่องราวของภาพยนตร์ “ตายโหง” ในตอ “ผีแทงค์น้ำ” ผลงานการกำกับของ
“ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์” นำแสดงโดย กระแต ศุภักษร, ดิว อริสรา, อัญชลี สายสุนทร , กัส วีรดิษฐ์ เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายแล้วนำศพไปหมกแทงค์น้ำ ทำให้คนในหอพัก เกิดความหวาดกลัวกับวิญาณผีสาวที่เฮี้ยนสุดๆ และน้ำที่ใช้บริโภคอยู่ทุกวันกลับเป็นน้ำแช่ศพ สุดสะอิดสะเอียนกันทั้งหอ
พระทำพิธีณ.จุดเกิดเหตุ
คดีสยองฆ่าหมกศพในแท๊งค์น้ำ
จากคดีสยองขวัญปนคลื่นเหียนอาเจียน กรณีพบศพสาววัยรุ่นสวมเสื้อสายเดี่ยว กางเกงลายพรางทหารขาสั้น ถูกฆาตกรรมอำพรางใช้ของแข็งทุบหัวและรัดคอ นำศพห่อหุ้มด้วยถุงดำหมกในถังน้ำขนาด 2,000 ลิตร บนดาดฟ้าของหอพักพัชรินทร์
ตั้งอยู่เลขที่ 82/286 ซอยไทยธานี 31/2 หมู่ 9 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจากศพที่เน่าเหม็นทำให้คนในหอพักพากันใช้น้ำที่มีกลิ่นเน่าเหม็นผิดปกติ กระทั่งขึ้นไปตรวจสอบในถังน้ำถึงกับผงะเจอศพอืดกลิ่นโชยตลบ เบื้องต้นสันนิษฐานถูกลวงมาฆ่าทิ้งนั้น ต่อมาตั้งแต่เช้าวันที่ 19 ก.ค. ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ ในหอพักพัชรินทร์และชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมสาปแช่งฆาตกรที่ลงมือฆ่าอย่างอำมหิต รวมทั้งเรื่องน้ำเน่าจากศพที่ขึ้นอืดในถังน้ำที่ชาวหอต่างนำมาใช้อาบ ล้างหน้า แปรงฟันบางคนนำมาหุงข้าวกินโดยไม่ทราบมาก่อนว่ากลิ่นเหม็น ของน้ำเป็นน้ำแช่ศพเน่า พอมารู้ภายหลังหลายคนถึงกับอาเจียนไปตามๆกัน ขณะเดียวกันคนที่พักในหอพากันอพยพย้ายไปอยู่ที่ใหม่หลายสิบห้อง เนื่องจากเข็ดขยาดกับน้ำในหอและหวาดผวาวิญญาณผีเฮี้ยนของสาวเหยื่อฆาตกรรม
สอบถาม น.ส. อัมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่พักอาศัยอยู่ชั้นที่ 3 ของหอพัชรินทร์ กล่าวว่า
พักอยู่ในหอได้ 6-7 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไร แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ทำให้รับไม่ได้ อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เพราะที่ผ่านมาเมื่อ 2-3 วันก่อน พบศพตนก็ได้ใช้น้ำอาบ ล้างหน้า แปรงฟันทั้งที่มีกลิ่นเหม็นเน่าเลยรับไม่ได้ แม้ว่าหลังพบศพทางหอพักได้รื้อเปลี่ยนถังน้ำใหม่แล้วก็ตาม เพราะความรู้สึกยังขยะแขยง และที่สำคัญกลัววิญญาณเฮี้ยน ด้านนางสมพร สัตย์ซื่อ อายุ 49 ปี เจ้าของหอพักพัชรินทร์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคนในหอขอย้ายออกจำนวนมาก หอพักมีทั้งหมด 30 กว่าห้อง ปกติมีคนอยู่เต็มแต่ตอนนี้ขอย้ายออกเกือบหมด ยังไม่รู้เลยว่าจะเหลือคนเช่าหออยู่กี่ห้อง ไปห้ามเขาก็ไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ต้องทำใจ พร้อมกันนี้ได้ให้คนงานรื้อถังน้ำอันเก่าทั้ง 2 ใบออก แล้วซื้อของใหม่มาแทนแล้ว รวมทั้งรื้อระบบท่อประปาทั้งหมดและที่สำคัญจะต้องมีการทำบุญหอเพื่ออุทิศ ส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเพื่อความเป็นสิริมงคล และเรียกขวัญผู้ที่ยังพักอยู่ต่อไป
ส่วนความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผกก.สภ.คลองหลวง ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน โดยมี พ.ต.ท.สมศักดิ์ ถนอมบุญ รอง ผกก. (สส.) พ.ต.ท.ศราวุธคงคานนท์ รอง ผกก. (ป.) พ.ต.ท.อรุณ อัครธรรม สว.สส. ใช้เวลากว่า 2 ชม. จากนั้น พ.ต.อ.สุรศักดิ์เปิดเผยว่า ได้ให้ชุดสืบสวนออกติดตามข่าวหาเบาะแสของคนร้าย และตรวจสอบว่าหญิงสาวเหยื่อฆาตกรรมเป็นใครมาจากไหน เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามหาตัวคนร้าย และจากแนวทางการสอบสวน สันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุต้องรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดีและน่าเชื่อว่า ต้องเป็นคนในหอ อาจจะลวงมาเจรจาปัญหาบางอย่างแต่ตกลงกันไม่ได้เลยลงมือฆ่าแล้วนำศพมายัดถัง
ที่มา/http://atcloud.com/stories/

……………………………………………….
ตายโหง ที่ 3 “ผับไฟไหม้” เป็น เรื่องราวสุดสะเทือนใจของคนไทยทั้งประเทศ กับการฉลองส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ ที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในผับชื่อดัง “ซานติก้า”ทำให้ฆ่าชีวิตคนแบบย่างสดๆไปกว่าร้อยชีวิต เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ผู้กำกับ “แนต ชาติชาย เกษนัส”นำมาบอกเล่าในชื่อตอน “ไฟไหม้ผับ” ที่นำแสดงโดย “กอล์ฟ อัครา, กบ พิมลรัตน์” ที่แสดงเป็นคู่รักที่ไปฉลองปีใหม่กันที่ผับแห้งหนึ่ง และเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง่กลับฆ่าชีวิตของเขาทั้งสองให้พรากจากกัน
ภาพข่าวเหตุการณ์ไฟไหม้ผับชื่อดังเมื่อต้นปีก่อน

ทุกอย่างเหลือเพียงเท่าถ่าน
ระทึกขวัญ!ย่างสด รับปีวัว “ซานติก้าผับ”
กรุงเทพฯ 1 ม.ค.- ไฟไหม้ซานติก้า ผับ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.20 น. นับเป็นเหตุสลดประเดิมศักราช ปี 2552 และคงเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลาย ๆ คน ที่คิดจะเปิดสถานบันเทิง เพื่อสร้างความสุขให้อย่างแท้จริง สลด! รับปีวัว ผ่านปีใหม่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไฟไหม้โหมกระหน่ำ ซานติก้า ผับย่านเอกมัย ซอย 9 ผับหรูชื่อดัง กลางกรุง นักเที่ยวไทย เทศ หนีตายอลหม่านรถดับเพลิงกว่า 10 คัน ระดมเร่งสกัดไฟ แต่อุปสรรคสำคัญกลับเป็นทางเข้า-ออกผับ ที่ค่อนข้างคับแคบ เจ้าหน้าที่ช่วยผู้ประสบเหตุอย่างยากลำบาก ขณะที่ภายในมีนักเที่ยวราตรีฉลองรับปีใหม่อย่างแออัดยัดเหยียดเฉียดๆ พันคนผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง แม้สามารถคุมเพลิงได้ แต่ภาพที่เห็น ยิ่งสลดใจ สภาพศพนอนเกลื่อนกว่าครึ่งร้อย ส่วนใหญ่สำลักควันและถูกเหยียบ ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกกว่า 200 คน ถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาลต่าง ๆ
เบื้องต้น คาดสาเหตุ เกิดจากนักท่องเที่ยวแอบจุดพลุฉลองรับปีใหม่ เปลวไฟพุ่งขึ้นติดโฟมด้านบน และลุกไหม้อย่างรวดเร็วซานติก้า ผับเปิดตัวในปี 2547 ด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างสีสัน ความสุข และความบันเทิงที่แปลกใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ ซานติก้า เป็นภาษาสเปน แปลว่า ธรรมชาติที่สวยงาม ดำเนินการโดยบริษัท White & Brothers (2003) จำกัด ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซานติก้า มีชื่อเสียงและมีกระแสตอบรับที่ดี มีลูกค้าเฉลี่ยถึง 700 คนต่อวัน และเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นคืนสุดท้ายที่ผับแห่งนี้ เปิดให้บริการ ก่อนจะปิดตัวเพราะหมดสัญญาเช่าที่ แต่ก็กลับเป็นคืนสร้างเหตุสยองประเดิมศักราช 2552
ที่มา/http://blog.eduzones.com/entertain

…………………………………………………

ตายโหงที่ 4 “ผีม่านรูด” และ ตายโหงสุดท้ายกับเรื่องราวความน่ากลัวของ “ผีสาว” ที่ถูกฆ่าตายในโรงแรมม่านรูด กับผลงานการกำกับของ “พจ อานนท์” ในตอน “ขึ้นครู”นำแสดงโดย “ใหม่ เจริญปุระ,มดดำ คชาภา, กาย รัชชานนท์ เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่อยากจะลองของขึ้นครูเป็นครั้งแรก และได้ซื้อบริการจากสาวขายบริการ แต่การขึ้นครูของหนุ่มคนนี้กลับไม่สนุกอย่างที่คิด เพราะผู้หญิงที่เขาซื้อบริการกลับเป็นผีที่โดนฆ่าตายในโรงแรมแห่งนี้
ลวง-ฆ่าเปลือย ม่ายหมกม่านรูด
รับแจ้งจากพนักงานมีผู้เสียชีวิตในโรงแรมม่านรูดซีไซด์พาเลส เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 10 ต.ค. ร.ต.ท.ไพโรจน์ นนท์ผ่องศรี ร้อยเวร สภ.ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมม่านรูดซีไซด์พาเลส ถนนบางแสนสาย 4 ใต้ ว่า มีผู้เสียชีวิตภายในห้องพักหมายเลข 49 จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ธน ยุติธรรมดำรง รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.ท.สุทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.ท.สมศักดิ์ สุนาวิน รอง ผกก.ป.สภ.ต.แสนสุข พ.ต.ท.นิติ ทองอ่อน สว.สส. นำกำลังตำรวจ พร้อม นพ.อาทิตย์ ต่อพงศ์พันธุ์ แพทย์เวร รพ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยไตรคุณธรรม ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นห้องพักอยู่ด้านในสุดของโรงแรม ภายในห้องพบศพ น.ส.เรียม พลายละหาร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ซอยรังสิต-นครนายก 1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นอนหงายเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่บนเตียง โดยมีหมอนวางปิดใบหน้าและผ้าห่มคลุมร่าง บริเวณหน้าอกมีรอยฟกช้ำคล้ายถูกทำร้ายและมีร่องรอยถูกร่วมเพศ พบคราบอสุจิในช่องคลอดและเปรอะเปื้อนบนที่นอน
นอกจากนี้ ยังพบขนเพชร 2 เส้น และเส้นผมจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนบนราวแขวนผ้ามีกางเกงขายาวสีดำ เสื้อคอปกแขนสั้นสีแดงคาดดำ เสื้อยกทรงสีดำ และกางเกงในสีขาว ของผู้ตายห้อยอยู่ ที่โต๊ะปลายเตียงมีหม้อต้มยำกุ้ง ขวดเบียร์ลีโอ 3 ขวด ดื่มหมดไปแล้ว 2 ขวดครึ่งพร้อมแก้วน้ำ และข้าวผัด ที่ชั้นวางของหน้ากระจกมีกระเป๋าหนังสีดำ ข้างในมีบัตรประชาชนของผู้ตาย บัตรเครดิต เอกสารหนังสือสัญญาซื้อขายเสื้อวิน จยย.รับจ้างของชมรมจักรยานยนต์รังสิต ระบุชื่อ น.ส.เรียม ผู้ตาย และบัตรผู้สูงอายุระบุชื่อนายสงวน พลายละหาร
สอบสวนนางลำปาง มะลิซึ่ง อายุ 42 ปี พนักงานประจำเคาน์เตอร์ของโรงแรม ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 9 ต.ค. ผู้ตายเดินเข้ามาเปิดห้องพักกับผู้ชายคนหนึ่ง ตนจึงพาเข้าไปเปิดห้องดังกล่าว จากนั้นทั้งสองได้สั่งเบียร์ ต้มยำกุ้ง และน้ำขวด เข้าไปกินในห้อง จนเช้าวันเดียวกันนี้เวลาประมาณ 09.30 น. เห็นฝ่ายชายเดินออกจากห้องไปคนเดียว กระทั่งเวลา 11.30 น. ใกล้เวลาเช็กเอาต์จึงเดินไปเคาะประตูห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปดูก็ต้องตกใจแทบเข่าอ่อนเมื่อพบผู้ตายเป็นศพเปลือย อยู่ในห้องดังกล่าว
ต่อมาตำรวจตรวจสอบเทปบันทึกภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ของโรงแรม พบว่าผู้ตายและชายที่มาด้วยกันนั่งรถ จยย.รับจ้างหมายเลข 34 วินพิทักษ์ประชา ตั้งอยู่หน้าตลาดหนองมน มาส่งที่โรงแรม จึงไปตามตัวคนขี่รถ จยย.รับจ้างคันดังกล่าวมาสอบสวน ทราบชื่อ นายวิชัย สุกใส อายุ 45 ปี ให้การว่า ผู้ชายที่มากับผู้ตายอายุประมาณ 30-35 ปี สูงประมาณ 165 ซม. ผมหยักศก ผิวคล้ำ ว่าจ้างตนจากวินหน้าตลาดหนองมน ให้ขี่ไปรับผู้หญิงที่รออยู่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดหนองมน จากนั้นพาทั้งคู่นั่งซ้อนสามไปส่งลงที่หน้าประตูเข้าโรงแรม
พ.ต.อ.ธน ยุติธรรมดำรง รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตายพบว่า โทรศัพท์มือถือหายไป และเงินสดในกระเป๋าของผู้ตายก็ถูกคนร้ายหยิบไปด้วย เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะนัดพบกับคนร้ายที่อาจจะเป็นชายหนุ่มคู่ขา พากันนั่งรถ จยย.รับจ้างมาเปิดห้องพักโรงแรมม่านรูดเพื่อเสพสุข หลังเสร็จกิจเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ฝ่ายชายจึงใช้หมอนกดทับใบหน้าจนหายใจไม่ออกเสียชีวิต แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือและเงินสดในประเป๋าผู้ตายหลบหนีไป ล่าสุดชุดสืบสวนพอรู้เบาะแสฆาตกรโหดแล้ว จากการสอบถามพี่สาวของผู้ตายทราบว่า เมื่อ 7-8 วันก่อนผู้ตายโทรศัพท์มาปรึกษาว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟนใหม่เป็นชาว จ.กาญจนบุรี จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นแฟนใหม่ของผู้ตายก่อเหตุเพราะความหึงหวงหวาด ระแวงว่าฝ่ายหญิงจะตีจากไปมีชายคนใหม่ จึงลวงมาเสพสุขแล้วพูดคุยเจรจาปัญหาหัวใจ แต่ตกลงกันไม่ได้เลยลงมือฆ่าทิ้ง จะได้ตามล่าตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 72 ซอยรังสิต-นครนายก 1 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบนายสงวน พลายละหาร อายุ 66 ปี พ่อผู้ตายเปิดเผยว่า น.ส.เรียม ลูกสาวมีอาชีพขี่รถ จยย.รับจ้างวินใต้สะพานต่างระดับ ปทุมธานี-นครนายก ตรงข้ามศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เป็นแม่ม่ายลูกติด 4 คน สามีคนแรกมีลูกด้วยกัน 1 คน หย่ากันมานานนับสิบปี ส่วนสามีคนที่สองเพิ่งตายไปได้ 2 ปีเศษ มีลูกด้วยกันอีก 3 คน จากนั้นผู้ตายมาคบหากับแฟนใหม่ชื่อนายยิ่งไม่ทราบนามสกุล ได้ประมาณ ปีเศษ โดยนายยิ่งเป็นคนลึกลับไม่มีหลักแหล่งแน่นอน มีนิสัยรุนแรงโมโหร้าย ชอบทุบตีทำร้ายผู้ตายเป็นประจำ ล่าสุดเมื่อ 10 วันก่อน ใช้มีดไล่ฟันผู้ตายจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน กระทั่งวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายทนไม่ไหวโทรศัพท์ไปหาลูกพี่ลูกน้องอีกคนขับรถมารับพาไปอยู่ด้วยที่ จ.ชลบุรี เมื่อสอบถามลูกพี่ลูกน้องที่พาผู้ตายไปอยู่ด้วยทราบ ว่า ผู้ตายบอกว่าญาติของสามีคนแรกโทรศัพท์มาบอกให้ออกไปเอาเงิน จนมาพบเป็นศพถูกฆ่าตายที่บางแสน อาจเป็นไปได้ว่าถูกแฟนใหม่ลวงออกไปฆ่าทิ้ง เพราะผู้ตายไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นกับใคร
ที่มาของข่าว/ไทยรัฐ
…………………………………………
หมายเหตุ: คนตายโหง หมายถึง คนที่ตายผิดปกติ เกิดจากอุบัติเหตุตาย เช่น โดนฆ่าตาย ฆ่าตัวตาย รถชนตาย ถูกเขาฆ่าตาย กินยาตาย ผูกคอตาย โดดน้ำตาย